วันพฤหัสบดีที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ลูกอีสาน บทที่12:ไปไล่จอนฟอน

บทที่ ๑๒
ไปไล่จอนฟอน
          วันใหม่ลุงเมฆพ่อของทิดจุ่นมาชวนพ่อกับคูนไปจับจอนฟอนที่ป่าละเมาะข้างๆนาของลุงกา  พ่อจึงพาหมาตัวเองไปรวมกับหมาของลุงเมฆเพื่อไปจับจอนฟอน
         เมื่อไปถึงป่าละเมาะที่มีแต่ต้นไม้เตี้ยๆ และหญ้าคาขึ้นเป็นย่อมๆ  พ่อกับทิดจุ่นก็แยกไปทางขวามือและลุงเมฆกับคูนก็วิ่งแกมไปตรงที่มีรูของจอนฟอนอยู่
          และจู่ๆจอนฟอนก็วิ่งมาทางลุงเมฆกับคูน  แล้วไอ้ตูบหมาของลุงเมฆกับทิดจุ่นก็วิ่งมางุบตรงกึ่งกลางจอนฟอน  แล้วพยายามดึงมันขึ้นมา  ส่วนลุงเมฆก็เตรียมสันพร้ามาตีหัวพังพอน  ลุงเมฆแกก็พยายามบอกให้ไอ้ตูบดึงจอนฟอนตัวนั้นขึ้นมาให้ได้  แต่ด้วยความไวของจอนฟอน  มันก็อาศยจังหวะชุลมุนวิ่งหนีกลับเข้ารูตัวเอง  
          ด้วยความโมโหของลุงเมฆที่จับจอนฟอนไม่ได้  จึงเอาสันพร้าตีลงหัวหมาสองทีแล้วมันก็นอนแน่นิ่งเลือดออกจมูก  พอคูนเห็นก็ไม่รู้จะทำยังไงดีก็ได้แต่มอง

          พอพ่อกับทิดจุนวิ่งมาหาก็ถามว่าทำไมไอ้ตูบถึงตาย  ด้วยความโมโหลุงเมฆก็ตอบกลับไปว่าเพราะมันปล่อยจอนฟอนกลับลงหลุม  แล้วพ่อกับลุงเมฆก็เถียงกันยกใหญ่...

ลูกอีสาน บทที่11:ไปดักนกขุ้ม

บทที่ ๑๑
ไปดักนกขุ้ม
          ย่าของคูนไม่สบาย  พออาการเริ่มดีขึ้นหมอก็สั่งยาไว้ว่าให้ต้มยานกขุ้มกินหม้อหนึ่ง  พ่อกับทิดจุ่นก็ตกลงแยกกันไปหานกขุ้มมาต้มเป็นยา
         คูนดีใจมากที่พ่อจะพาไปจับนกขุ้ม  เมื่อพ่อกับคูนกินข้าวเช้าเสร็จก็รีบไปปลดตาข่ายเพื่อไปดักจับนกขุ้มที่ชายทุ่งนา  เพราะนกขุ้มมักจะลงมาหากินจากป่ามาที่ชายทุ่งนาตอนสายๆ
         ตีนโลกอีแหลว  ที่ที่พ่อกับคูนมาดักจับนกขุ้ม  วิธีการคือวางตาข่ายลงบนดินแล้วคุมด้วยเศษใบไม้ให้พอบังตาได้  แล้วออกห่างจากตาข่ายประมาณยี่สิบวา  แล้วทำเสียงอูดๆเพื่อเรียกนกเขามาติดตาข่าย  พ่อทำอย่างนี้มาหลายชั่วโมงก็เริ่มเหนื่อย  จึงให้คูนช่วยทำเสียงอูดๆๆๆ  
         สักพักก็มีเสียงนกขุ้มดังมาจากตาข่ายที่พ่อวางเอาไว้  พ่อและคูนก็รีบวิ่งมาดู  คูนก็สังเกตเห็นว่านกขุ้มมีสีลายสลับน้ำตาล  ลูกตาดำและเล็กเหมือนนกกระจิบ...
��บพ่อว่าจะหาเงินไปซื้อเข็มกลัดลูกเสือ  พ่อก็ตอบกลับไปว่าดีแล้วรู้จักหาเงินเอง  แต่เลิกหาครั่งได้แล้ว  พรุ่งพ่อจะซื้อเข็มกลัดให้...

ลูกอีสาน บทที่10:ไปเก็บครั่ง

บทที่ ๑o
ไปเก็บครั่ง
         คูนก้มหาเศษครั่งใต้ต้นสะโกก็ไม่พบเลยแม้แต่ชิ้นเดียว  จึงมองขึ้นไปบนต้นไม้เพื่อลองหาครั่งใหม่  แต่ก็ไม่เห็น  และระหว่างที่คูนกำลังหาครั้งอยู่นั้นจันดีก็ตะโกนมาบอกว่าจับครั่งได้แล้ว  พอคูนมาเห็นครั่งด้วยความอยากรู้อยากเห็นก็เลยลองเอาตัวครั่งบิออกแล้วบี้บนฝ่ามือ  ปรากฏว่ามีสีแดงติดมือ
          ลุงกาเดินผ่านมาเห็นเด็กองคนกำลังหาครั่งอยู่พอดีจึงเข้าไปทัก  ด้วยความที่ตนก็กำลังหาครั่งอยู่เหมือนกัน  ก็เลยแบ่งครั่งให้เด็กๆทั้งสองคนนี้ไปขาย  กิโลกรัมละสามบาท
          คูนถามลุงกาว่าพวกพ่อค้าเขาจะเอาครั่งไปทำอะไรกัน  ลุงกาก็ตอบว่าเขาเอาไปทำเป็นตราไปรษณีย์  หรือทำเป็นสีย้อมผ้าก็ได้  และครั่งพวกนี้มันจะดูดน้ำเปลือกไม้เป็นอาหาร

          เมื่อพ่อผ่านมาเห็นคูนกำลังเก็บครั่งอยู่ก็เข้ามาถาม  คูนบอกกับพ่อว่าจะหาเงินไปซื้อเข็มกลัดลูกเสือ  พ่อก็ตอบกลับไปว่าดีแล้วรู้จักหาเงินเอง  แต่เลิกหาครั่งได้แล้ว  พรุ่งพ่อจะซื้อเข็มกลัดให้...

วันอังคารที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ลูกอีสาน บทที่9:หลวงพ่อเคนอาละวาด

บทที่ ๙
หลวงพ่อเคนอาละวาด
          เมื่อครูใหญ่อบรมอยู่นานพอสมควรก็ให้ครูทองดีอธิบายเรื่องเวลาการเรียนในหนึ่งวัน  นั้นก็คือเริ่มเรียนตอนสามโมงเช้าหนึ่งตาบแล้วพักเที่ยง  และบ่ายโมงถึงบ่ายสามโมงครึ่งอีกสองคาบ
          หลวงพ่อเคนก็มาช่วยคุณครูสอนนักเรียนอีกเรียน  เพราะในโรงเรียนนี้มีครูเพียงสองคน  วันนี้หลวงพ่อก็สอนนักเรียนเรื่องการพูดโดยมีครับหรื่อค่ะท้ายประโยคและพูดให้สุภาพ
          ชั่วโมงครูทองดี  ครูทองดีก็มีการให้นักเรียนเลือกหัวหน้าห้องคนใหม่  ผลปรากฏว่าจันดีได้เป็นหัวหน้าห้องคนใหม่  และวันนี้ครูทองดีก็สอนเรื่องการวาดรูปท้องไร่ท้องนาเพียงอย่างเดียว

         เมื่อเลยพักเที่ยง  หลวงพ่อเคนก็ได้เทศนากับนักเรียนอยู่พักใหญ่  และสอนนักเรียนว่าการลักขโมยของของคนอื่นเป็นสิ่งไม่ดีเป็นบาป  และการฉี่ไม่เป็นที่เป็นทางกเป็นบาปและจะทำให้เรียนหนังสือไม่ทันเพื่อนๆ...

ลูกอีสาน บทที่8:เข้าโรงเรียน

บทที่ ๘
เข้าโรงเรียน
         เมื่อสนทนากับหลวงพ่อเสร็จแล้ว  พ่อของคูนก็กราบลาหลวงพ่อแล้วพาคูนไปเดินดูที่ต่างๆภายในวัด  พอเดินทางกันมาสุดรั้วก็เห็นโรงธรรมหลังหนึ่งซึ่งใหญ่มากๆ  แล้วพ่อก็ชี้ไปที่โรงธรรมนั้นแล้วบอกกับคูนว่านั้นไงล่ะโรงเรียน
          เมื่อถึงวันไปโรงเรียนจันดีก็พาคูนไปทำความรู้จักกับทุกคนในโรงเรียนนี้  ซึ่งเด็กนักเรียนส่วนมากแต่งตัวด้วยเสื้อกางเกงเก่าๆเหมือนคูน  แต่คูนก็มาเอะใจกับสามคนนี้  คนแรกเสื้อกับกางเกงใหม่มากๆหวีผมแสกลงเป็นลูกครูใหญ่  คนที่สองที่พูดดังๆเป็นลูกชายหมอลำ  ส่วนคนคนที่สามคือคนที่อมของอยู่ในปากเป็นลูกของเจ็กอู๋  ซึ่งคนนี้จันดีก็บอกกับคูนเบาๆว่าบักคนนี้มันกล้าชกกับจันดีโดยไม่กลัวใคร  แล้วบอกคูนให้อยู่ห่างๆไว้  
         เมื่อเวลาแปดนาฬิกาเคารพธงชาติ  คูนจันดีและนักเรียนทุกคนก็มาร้องเพลงชาติ ว่า แผ่นดินสยามนามประเทืองว่าเมืองทอง    ไทยเข้าครองตั้งประเทศเขตแดนสง่า     สืบชาติไทยดึกดำบรรพ์โบราณลงมา    ร่วมรักษาเอกราชชนชาติไทย ฯลฯ”  เพลงชาติไทยเดิม

          โดยโรงเรียนที่คูนเรียนอยู่นี้มีทั้งหมดห้าระดับได้แก่  ชั้นมูล  ขี้หมูไหล  ป.๑ ป.๒ ป.๓ ป.๔  ส่วนคูนนั้นเรียนอยู่ชั้นขี้หมูไหล...

ลูกอีสาน บทที่7:งานสงกรานต์

บทที่ ๗
งานสงกรานต์
         อีกสามวันจะถึงวันสงกรานต์  แม่ของคูนได้เอาเปลือกข้าวมาตำข้าวพอกินได้สามวัน  เพราะช่วงวันสงกรานต์นั้นทุกคนจะเอาแต่สนุกสนานอย่างเดียว  จนไม่มีเวลาตำข้าว
          พอถึงวันสงกรานต์  พ่อและแม่ก็ปลุกคูนและน้องๆอีกสองคนตั้งแต่เช้าเพื่อไปรดน้ำดำหัวคุณย่าที่บ้านท่าน  พอเป็นอันเสร็จพิธีแล้วพ่อก็รีบกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวเข้าป่ากับลุงเข้ม  ส่วนแม่ก็พาเด็กๆไปเล่นน้ำในวันสงกรานต์
          คืนหนึ่งคูนตื่นเต้นมาก  เพราะพ่อบอกกับคูนว่าจะพาคูนไปฝากตัวกลับหลวงพ่อเคนที่วัด  เพื่อให้คูนได้เรียนหนังสือ  เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นคูนก็ดีใจมากขึ้นเมื่อรู้ว่าจันดีลูกของป้าบัวศรีกับลุงเข้มจะมาเรียนด้วย

          เมื่อถึงวันที่คูนได้มาเรียนกลับหลวงพ่อเคน  มีช่วงหนึ่งหลวงพ่อก็ถามว่าคูนรักใครมากที่สุด  คูนก็ตอบว่าพ่อแม่ บุญหลายและยี่สุ่น  หลวงพ่อก็ถามต่อว่าแล้วเกลียดใครมากที่สุด  คูนก็นั่งนึกอยู่สักพักแล้วก็ตอบว่าท้องฟ้าครับเพราะมันไม่เคยให้ฝน  มันให้แต่ความแห้งแล้ง  เมื่อหลวงพ่อได้ยินเช่นนั้นก็ตีก้นคูนแรงๆแล้วให้คูนพูดว่า  ต่อไปผมจะไม่โทษท้องฟ้า  เพราะท้องฟ้าไม่เคยโทษใคร...

วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ลูกอีสาน บทที่6:ชูสาว

บทที่ ๖
ชูสาว
          หลังจากคูนเล่าเรื่องที่ทิดจุ่นไปกอดจูบคำกอง  เริ่มมาวันใหม่พ่อกับแม่ก็พาคูนไปบ้านของลุงใหญ่เรื่องที่ทิดจุ่นแอบไปนอนกับคำกองแล้วโดนพ่อคำกองนั้นก็คือลุงใหญ่ขวางทางไว้ไม่ให้ทิดจุ่นหนีไปไหน
         พ่อของคูนมีพี่น้องทั้งหมดสี่คน  ลุงใหญ่คนโต พ่อของคูนคนที่สอง ส่วนคนที่สามถูกฆ่าตายตั้งแต่ยังหนุ่ม และคนที่สี่อาสีนิล  ส่วนลุงใหญ่กับป้าบัวขาวมีลูกทั้งหมดสามคน  ชายสองคนแต่ไปมีเมียแล้วย้ายออกไปหมด ก็เหลือแต่คำกองที่ยังไม่ออกเรือน
          เมื่อเจรจากันเสร็จ  ทิดจุ่นก็ทำพิธีสู่ขอคำกองตามประเพณีที่สืบต่อกันมา  และต้องทำพิธีขอขมาผีตายายของคำกอง  เพราะชาวอีสานถือว่าการที่ผู้บ่าวชูสาวจะทำให้ผีตายายของฝ่ายสาวโกรธ
          เมื่อพิธีเสร็จสิ้นก็จะมีงานเลี้ยงฉลองการแต่งงานของทิดจุ่นกับคำกองที่บ้านผู้ใหญ่...


ลูกอีสาน บทที่5:บ่าวสาวเกี้ยวกัน

บทที่ ๕
บ่าวสาวเกี้ยวกัน
          เช้าวันใหม่คูนได้ไปหาเพื่อนนั้นก็คือ จันดี”  และได้ไปเล่นลมหัวกุดอย่างสนุกสนานตวามประสาเด็กๆ  แต่ซักพักพ่อของคูนก็ตะโกนเรียกเด็กทั้งสองคนไปจับพังพอนกัน  ขณะนั้นเอื้อยคำกองเป็นลูกของพี่ชายพ่อของคูน  ผ่านมาก็คุยกันตามประสาญาติๆ
          คำกองชวนคูนไปตักน้ำที่ตีนโคนโคกขี้เหล็ก  แล้วก็เลยไปคล้องกิ้งก่าต่อในทุ่งนา  และระหว่างที่คูนไปจับกิ้งก่าอยู่ทิดจุ่นก็แอบไปทำมิดีมิร้ายกับคำกอง  โดยคำกองก็ไม่สามารถขัดขืนทิดจุ่นได้  ก็ได้แต่พูดเจรจาไปเท่านั้น  คำกองบอกกับทิดจุ่นว่าถ้ารักกันจริงๆก็ให้มาสู่ขอเป็นเรื่องเป็นราว  จะได้ไม่มีใครครหานินทาได้  แล้วคูนก็กลับมาเห็นภาพที่ทิดจุ่นทำมิดีมิร้ายกับคำกองพอดี  
          เมื่อทิดจุ่นรู้ว่ามีคนไปเห็นตนทำมิดีมิร้ายอยู่ก็รีบวิ่งหนีหายจากไป  แล้วคูนก็รีบวิ่งเข้ามาถามคำกองด้วยความเป็นห่วง  คำกองก็ตอบไปหมดทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกลวนลามจากทิดจุ่น  แล้วก็กำชับกับคูนว่าห้ามไปบอกใครเด็ดขาด
          พอคูนกลับถึงบ้าน  พ่อก็ชวนคูนไปบ้านคนญวน  คูนก็ตอบตกลง  แต่พ่อมีเงื่อนไขว่าจะต้องตอบคำถามที่พ่อถามมา  แล้วพ่อก็ถามว่าทิดจุ่นกอดกับคำกองจริงหรือไม่  พอคูนตอบว่าเป็นเรื่องจริง

พ่อก็หัวเราะเบาๆ...

ลูกอีสาน บทที่ 4:ญวนเข้ามาบุกจีนในถิ่นเรา

บทที่ ๔
ญวนเข้ามาบุกจีนในถิ่นเรา
          ตกตอนสาย ขณะที่คูนและน้องๆเล่นกันอยู่  ก็มีผู้หญิงญวนสองคนวัยแม่  เดินมาที่บ้าน  ด้วยความของบุญหลายและยี่สุ่นกลัวคนญวนตามคำเล่าลวงของพวกผู้ใหญ่อีสานที่ไม่ชอบคนญวน  แต่มีคูนคนเดียวที่ไม่กลัว  
          ซักพักคูนก็เห็นแม่เอาไข่ไก่ไปให้หญิงญวนคนนั้น  และหญิงญวนก็ให้ธนบัตรหนึ่งบาทให้แม่  แล้วหญิงญวนคนนั้นก็บอกกับแม่และคูนว่าตนเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่แทนคนเก่า  ถ้าอยากได้ของอะไรก็จับกบเขียดงูสิงหรือพังพอนมาแลกได้  แต่ไม่เอากิ้งก่า  ว่าแล้วก็เดินจากไป  ด้วยความสงสัยของคูนจึงถามแม่ว่าพ่อไม่ชอบคนญวนไม่ใช่หรือ แม่ตอบว่าถ้าไปค้าขายกันก็ได้  แต่อย่าไปยุ่งเรื่องอื่นกับพวกนี้
          พอถึงเที่ยง  แม่ก็พาคูนนำของที่มีไปขายให้คนญวนที่พบกันเมื่อตอนสายๆนี้  พร้อมทั้งพาบุญหลายกับยี่สุ่นไปด้วย  ระหว่างเดินทางคูนผ่านหน้าบ้านเจ็กอู๋  แล้วเมียเจ็กอู๋ก็เรียกทั้งห้าคนมาพักกินน้ำเสียก่อน  แต่คูนกลับไม่ชอบสองสามีภรรยาคู่นี้เพราะเจ็กอู๋พูดเสียงขาดๆฟังไม่ชัดกับเมียเจ็กอู๋ที่พูดเสียงดังแล้วยังมีสีหน้าบึ้งตึงตลอดเวลา

          แล้วเจ็กอู๋ก็ถามแม่ว่าจะไปของให้พวกคนญวนทำไมกัน  แม่ก็ตอบว่าสงสารคนพวกนี้มันจะไม่มีข้าวกินเพราะเพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่  แล้วเจ็กอู๋ก็ตอบกลับแม่ว่าถึงพวกมันขายของได้ดีแล้วมันก็ขนเงินกลับประเทศของมันไป  ต่างจากเจ็กอู๋ที่อาศัยอยู่ที่นี่  อยากได้อะไรก็มีหมดแถมคุณภาพก็ดีกว่าญวนด้วย...

วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ลูกอีสาน บทที่3:ลาบปลาร้า

บทที่ ๓
ลาบปลาร้า
          ตอนเช้ามืดวันหนึ่งคูนตื่นมาเพราะได้ยินว่าจะมีคนย้ายไปหมู่บ้านอื่นจึงต้องไปล่ำลาพร้อมพ่อ  ด้วยความอยากรู้ของเด็กๆ  คูนจึงถามลุงคนนี้ว่าจะย้ายไปไหน  ลุงตอบว่าไปบ้านดินดำน้ำชุ่ม  คูนก็ถามต่อว่ามันคือที่ไหน  ลุงก็ตอบว่าคือดินดี ปลูกข้าวปลูกผักก็งาม  น้ำหนองไม่แห้งแล้งเหมือนที่นี่
          พอสายๆคูนก็ลงไปช่วยแม่ทำแจ่วปลาร้าห่อให้พ่อเอาไปกินเวลาไปทำงาน  และแม่ก็ได้สอนวิธีทำปลาร้าให้แก่คูน  คูนถามแม่ว่าทำไมผ้าปิดไหต้องห่อขี้เถ้าด้วย  แม่ตอบว่าเพราะแมลงวันเกลียดและกลัวขี้เถ้ามาก  ว่าแล้วก็ล้วงเอาปลาร้าตัวเท่านิ้วก้อยขึ้นมาวางลงบนเขียง
        แล้วแม่ก็ให้คูนสับปลาร้าเบาๆ  พอละเอียดแล้วก็นำตะไคร้กับหัวข่าอ่อนที่ฝานไว้รอแล้ว  สักครู่ก็นำหัวหอมแห้งกับพริกสดโรยลงไป  แล้วสับได้สิบนาทีแม่ก็บอกว่าให้หยุดแล้วนำไปตักข้าวคั่วลงไปอีกแล้วสับอีก
          พอคูนสับจนได้ที่แม่ก็ให้หยุด  แล้วหยิบพร้าไปจากคูนขูดลาบวางลงบนใบตองลนไฟอ่อนๆ  ก็ได้ปลาร้าแล้ว

          เมื่อถึงเวลากินข้าวพ่อนำผ้าขาวม้าห่อข้าวไปกินตอนทำงาน  ส่วนแม่ก็เรียกคูนและน้องๆมาร่วมวงกินข้าว  แล้วก็สอนให้ยี่สุ่นกับบุญหลายกินข้าวให้ได้มากกว่ากับจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานได้เยอะกว่ากินกับมากกว่าข้าว... 

ลูกอีสาน บทที่2:หาอาหารบนหน้าแล้ง

บทที่ ๒
 หาอาหารบนหน้าแล้ง
          คูนไม่เคยไปเที่ยวเลยสักครั้ง  เนื่องจากแม่เป็นห่วงและรักคูนมาก  แต่คูนก็ได้เข้าป่ากับพ่อจนได้  และนอกจากนั้นยังพายี่สุ่นและบุญหลายไปด้วย  พ่อนิ่งพักหนึ่งก็ไปเตรียมเอาข้าวห่อที่แม่ทำให้ใส่ผ้าขาวม้าและไปเอาหน้าไม้กับกระบอกลูกศรแบกบนไหล่ขวา  สะพายข้องสำหรับใส่จักจั่นใส่บ่าซ้าย  เมื่อเตรียมของเสร็จก็ไปพาไอ้มอมกับไอ้แดงหมาสองตัวไปด้วย  ซึ่งหมาทั้งสองตัวนี้พ่อรักพวกมันมาก  เพราะมันไล่กัดพังพอนและจับอีเห็นเก่งอีกต่างหาก    นอกจากนี้พ่อของคูนยังมีวิธีเลือกสุนัขด้วย  คือถ้าหมาสีดำและสีดำปนขาวพ่อจะไม่เอาเพราะใจไม่สู้  แพ้หมาสีน้ำตาลกับสีหม่น
          ถึงโคกหนองใหญ่  ก็เกือบเที่ยงแล้วคูนก็ชวนพ่อนั่งลงบนขอนไม้พักก่อน  แล้วกินข้าว  ซึ่งข้าวเที่ยงของสองคนนี้คือจักจั่น
          ขณะคูนกำลังดื่มน้ำในกระบอกไม้ไผ่อยู่  ไอ้มอมกับไอ้แดงกำลังกัดกับงูเห่า  ด้วยความอยากรู้ของเด็กๆ  คูนจึงวิ่งไปดูตามพ่อ  เห็นงูเห่ากำลังแผ่แม่เบี้ยโดนไอ้มอมวิ่งวนๆรอบงูแล้วงับไปที่หางงูจนงูตาย
พ่อก็บอกคูนว่าให้ไปยิงนกดีว่า  งูนี้กินไม่ได้  มันต้องเป็นงูสิงเอาไปต้มส้มกินได้
          เมื่อถึงทุ่งนา  พ่อบอกกับคูนว่างูสิงชอบลงจากเฟือยไม้มาตากแดดในตอนเช้าตรู่กับตอนเย็น  แล้วก็ได้เห็นงูสิงตัวเป็นๆบนต้นข่อยสองต้น  แล้วพ่อก็เอาบ่วงผูกติดกับปลายแส้ไม้ไผ่แล้วค่อยๆแหย่ปลายบ่วงสักครู่พ่อก็สามารถจับงูสิงได้  แล้วก่อกองไฟขี้น  นำเอาเถาวัลย์ผูกคองูแขวนบนกิ่งไม้  แล้วย่างกินกับคูน

          ความตื่นเต้นทำให้คูนอยากไปล่าพังพอนในวันต่อมา  แต่พ่อบอกว่าคูนยังไม่โตพอที่จะล่าพังพอนได้เพราะนอกจากจะจับยากแล้วยังอาจจะเจองูเห่ากัดเอาได้...

ลูกอีสาน บทที่1:หมู่บ้านเริ่มร้าง

บทที่ ๑
หมู่บ้านเริ่มร้าง
          เมื่อ ๔๗ ปีก่อน   ในภาคอีสานยังมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง  ทุกบ้านมีสภาพเหมือนกันหมดคือมียุ้งฉางใกล้บ้าน  และคอกวัวควายใต้ถุนบ้าน  รอบๆหมู่บ้านมีทุ่งนาและหนองน้ำ  เลยหนองไปอีกหน่อยก็เป็นป่าโปรง  ซึ่งชาวบ้านเรียกกันว่า โคกอีแหลว
          และยังมีบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีสมาชิกด้วยกัน ๕ คน  คือมีพ่อแม่ และลูกๆอีกสาม (พี่ชายหนึ่ง และเด็กผู้หญิงสองคนยี่สุ่นและบุญหลาย)
          วันหนึ่งคูน ลูกชายคนโตอยากได้ซื้อกะโพกญี่ปุ่นจึงขอเงินพ่อไปซื้อ  แต่พ่อก็ไม่ให้  ทำให้คูนได้แต่นั่งมองพวกแกวหาบเร่เดินไปจนลับตา  และพ่อก็เคยบอกคูนว่าอย่าไปยุ่งกับพวกคนแกวนั้น  เพราะว่าพวกนั้นมันหมอ  แต่แม่ของคูนออกมาค้านพ่ออีกว่าถ้าพวกเราคนอีสานไปเอาอย่างแกวจะไม่มีวันทุกข์ยากปากหมอง
          วันหนึ่งเป็นวันที่ร้อนมาก  ขณะที่เด็กๆทั้งสามคนเล่นอยู่ใต้ถุนบ้าน  แม่ก็ก็เอาไข่หมกในทรายมาให้เด็กๆกิน  พอพ่อลงมาเห็นก็บอกกับเด็กๆว่า  ไข่หมกทรายกินแล้วทำให้เรียนเก่ง  คูนจึงสงสัยแล้วถามพอว่าจะให้ตนไปโรงเรียนหรือ  พ่อก็ถามต่อไปว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร  คูนตอบว่าอยากเป็นพ่อค้าหาบเร่เหมือนพวกแกว  พอพูดคุยกันเสร็จแม่ก็ให้พ่อไปซื้อเสื้อนักเรียนและหนังสือเรียนให้คูน
          วันหนึ่งผีปอบเข้ามากินตับปู่ในบ้านคุ้มบ้านใต้  ด้วยความอยากรู้ของคูน  จึงแอบเข้าไปดูไกลๆ  แล้วคูนก็เห็นคนหนึ่งถือแส้ตีปู่ที่นอนร้องอยู่แล้วเอาน้ำรดลงตัวปู่  แล้วคนที่ถือแส้ก็ถามปู่ว่ามึงเป็นผีปอบตัวไส  ซื่ออีหยังบอกมาไวๆ  แล้วปู่ก็ตอบว่า กูบ่แมนผีปอบ กูเป็นไข้ป่า พอแล้วๆอย่าอาบน้ำให้กู   ต่อมาไม่นานคูนก็น้องไห้โห่งๆเพราะคูนได้ยินเสียงคนข้างบนร้องไห้  พอมาดูกพบว่าคุณปู่ไม่ลืมตา  แล้วคุณปู่ก็หายหน้าไปตั้งแต่คราวนั้นอีกต่อไป

          เช้ามืดวันหนึ่งมีเสียงเซ็งแซ่ที่หน้าบ้าน  คูนตื่นขึ้นก็เห็นพ่อแม่กำลังร่ำลาลุงสี,ลุงแก้วและภรรยา  เนื่องจากว่าพวกเขาจะย้ายไปอยู่ที่บ้านดินดำน้ำชุ่ม  ด้วยความสงสัยของคูน  จึงไปถามแม่ว่าบ้านดินน้ำชุ่มคืออะไร  แม่ตอบว่าคือที่ทำนาได้ทุกปี  คูนจึงไปถามพ่อว่าทำมเราไม่ย้ายไปอยู่ที่นั้นบ้าง  พ่อก็ตอบว่าปู่ของลูกสั่งเสียว่าอย่าย้ายไปไหน...